"กาแฟขี้ชะมด"
กับกระบวนการผลิตสุดอึ้ง ที่ถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์

กาแฟขี้ชะมด หรือ Kopi Luwak เป็นกาแฟที่มีกระบวนการผลิตพิเศษ โดยใช้ชะมด (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมคล้ายแมว) กินผลกาแฟสุก แล้วนำเมล็ดกาแฟที่ผ่านการย่อยบางส่วนออกมากับมูลของชะมดไปทำความสะอาด คั่ว และนำมาชงกาแฟ กระบวนการนี้ทำให้กาแฟมีรสชาติที่นุ่มนวลและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากเอนไซม์ในกระเพาะของชะมดช่วยเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเมล็ดกาแฟ
.
ในอดีต กาแฟขี้ชะมดส่วนใหญ่ได้มาจากการเก็บมูลชะมดตามธรรมชาติ จึงไม่ถือเป็นการทารุณกรรม แต่เมื่อกาแฟขี้ชะมดเริ่มเป็นที่ต้องการในตลาดโลก เกษตรกรบางส่วนได้เริ่ม จับชะมดมาเลี้ยงในกรง และบังคับให้กินผลกาแฟในปริมาณมาก ซึ่งถือเป็นการทารุณกรรม เพราะชะมดถูกกักขังในพื้นที่แคบและไม่เหมาะสม อาหารไม่สมดุล ทำให้สุขภาพของชะมดแย่ลง
กระบวนการนี้ส่งผลต่อสวัสดิภาพของสัตว์ในระยะยาว
.
ผู้บริโภคเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับจริยธรรมและการทารุณกรรมสัตว์ในกระบวนการผลิตกาแฟขี้ชะมด ทำให้ความนิยมลดลงในบางพื้นที่ ผู้ผลิตบางรายหันมาใช้วิธีการเก็บเมล็ดกาแฟจากชะมดในธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงการเลี้ยงชะมดในกรง ด้วยการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรมและสุขภาพของชะมด อีกทั้งผู้บริโภคบางส่วนเริ่มหลีกเลี่ยงกาแฟชนิดนี้ และหันไปหากาแฟคุณภาพสูงจากแหล่งปลูกอื่น ๆ แทน แต่ก็มีการพัฒนากาแฟที่เลียนแบบรสชาติของกาแฟขี้ชะมดโดยไม่ต้องใช้สัตว์ เช่น การใช้จุลินทรีย์ในการหมักเมล็ดกาแฟ
.
นอกจากเรื่องทารุณกรรมสัตว์แล้ว กาแฟขี้ชะมดก็ยังถูกตั้งคำถามอื่นๆ อีกมากมายโดยเฉพาะเรื่องมาตรฐาน กระทั่งสมาคมกาแฟพิเศษของอเมริกา (Specialty Coffee Association of America: SCAA) เองก็ยังเคยออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อไว้ว่า กาแฟขี้ชะมดหรือกาแฟที่ผ่านจากระบบการย่อยอาหารของสัตว์อะไรก็ตาม ไม่ได้มีรสชาติที่ดีขึ้นแต่อย่างใด
.
ท่ามกลางข้อถกเถียงต่างๆ เหล่านี้ กาแฟขี้ชะมดก็ยังขายได้เรื่อยๆ และมีกลุ่มลูกค้าชัดเจน และแน่นอนว่ายังราคาแรงเสมอต้นเสมอปลาย

---

Civet coffee, or Kopi Luwak, is a type of coffee produced through a unique process involving civets (mammals similar to cats). The civets consume ripe coffee cherries, and the partially digested coffee beans are excreted with their feces. These beans are then cleaned, roasted, and brewed into coffee. This process results in a smooth flavor and a distinctive aroma, as enzymes in the civet’s digestive system alter the beans' structure.

In the past, most civet coffee was sourced from wild civet droppings, which was not considered animal cruelty. However, as global demand for civet coffee increased, some farmers began capturing civets and keeping them in cages, forcing them to consume large amounts of coffee cherries. This practice is regarded as cruel, as the animals are confined in cramped, unsuitable conditions with an imbalanced diet, leading to poor health. This method significantly impacts the animals' welfare over time.

Consumers have started questioning the ethics and animal cruelty involved in producing civet coffee, leading to a decline in its popularity in some areas. Some producers have shifted to collecting coffee beans from wild civets to avoid caging the animals. With growing awareness of ethical issues and civet welfare, some consumers are avoiding this type of coffee altogether and opting for high-quality coffee from other sources. Additionally, there has been development in creating coffee that mimics the flavor of civet coffee without using animals, such as fermenting coffee beans with microbes.
.
Apart from concerns about animal cruelty, civet coffee has faced numerous other criticisms, particularly regarding its standards. Even the Specialty Coffee Association of America (SCAA) has publicly expressed its stance, stating that civet coffee—or any coffee processed through the digestive system of animals—does not result in an improved taste.