ข้าวเหนียวสังขยา..ขนมไทยโบราณ
อร่อยเข้มข้นหวานมันกินได้ไม่มีเบื่อ

เชื่อกันว่า “สังขยา” มีต้นกำเนิดจากยุโรปในสมัยจักรวรรดิโรมัน โดยมีชื่อเรียกว่า “คัสตาร์ด” ก่อนที่จะถูกนำเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยชาวโปรตุเกสที่ยึดเมืองท่ามะละกาในปี พ.ศ. 2054 (ค.ศ. 1511) เพื่อทำการค้าขายกับหลายอาณาจักร รวมถึงอยุธยา
.
ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อาณาจักรอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่มีชาวต่างชาติหลากหลายเชื้อชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง และแขกเปอร์เซียเข้ามาติดต่อค้า รวมถึงนางมารีกีมาร์หรือท้าวทองกีบม้า ภรรยาของฟอลคอน ขุนนางคนสนิทของพระองค์ ซึ่งได้นำขนมจากโปรตุเกสมาปรับปรุงสูตรโดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ในไทย จนเกิดเป็นขนมไทยที่เรารู้จักในปัจจุบัน เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมหม้อแกง รวมถึงสังขยาด้วย
.
โดยสังขยา หรือคัสตาร์ดแบบตะวันตกจะใช้นมวัว แต่สูตรไทยได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ “กะทิ” แทน ซึ่งในปัจจุบันเรามีสังขยาอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่
.
1. แบบคงตัว เช่น ข้าวเหนียวสังขยา และฟักทองสังขยา ที่มีลักษณะคล้ายคัสตาร์ดยุโรป
2. แบบครีม ที่ร้านขนมสยามใช้เป็นไส้ของ “ขนมกรวยทอง”
.
สำหรับสังขยาที่ร้านขนมสยามนั้น จะมีวัตถุดิบหลักคือไข่จากไก่เลี้ยงแบบธรรมชาติปลอดสาร และใบเตยที่ถูกสกัดเย็นเพื่อให้ได้น้ำใบเตยแท้ 100% ซึ่งช่วยเติมสีสันและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำส่วนผสมทั้งสองมาผสมกับน้ำตาลในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วกวนเข้าด้วยกันอย่างพิถีพิถัน ก็จะได้สังขยาอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่ร้านขนมสยามตั้งใจนำเสนอให้ทุกคนได้ลิ้มลอง
------------------------------------------------------
It is believed that “sangkhaya” originated in Europe during the Roman Empire, where it was known as “custard.” It later made its way to Southeast Asia through the Portuguese, who seized the port city of Malacca in 1511 to engage in trade with various kingdoms, including Ayutthaya.

During the reign of King Narai the Great, Ayutthaya became a bustling trade hub, attracting a diverse array of foreign traders, including Chinese, Japanese, Europeans, and Persians. Among them was Maria Guyomar de Pinha, also known as Thao Thong Kip Ma, the wife of Falcon, a close nobleman to the king. She introduced Portuguese pastries and adapted their recipes using locally available ingredients, giving rise to several traditional Thai sweets we know today, such as thong yip, thong yod, foi thong, and khanom mo kaeng, including sangkhaya.
.
In Western custard, cow's milk is typically used; however, the Thai version has been adapted to use “coconut milk.” Currently, there are two main types of sangkhaya in Thailand:
.
The firm type, such as sticky rice with sangkhaya and pumpkin sangkhaya, which resembles European custard.
The creamy type, used as a filling in “golden cone” desserts at Siam Confectionery.
.
At Siam Confectionery, the sangkhaya is made using high-quality eggs from free-range, chemical-free chickens, along with pandan leaves that are cold-extracted to produce 100% pure pandan juice. This not only adds a vibrant color but also imparts a unique fragrance. When these two ingredients are mixed with an appropriate amount of sugar and stirred meticulously, it results in a delightful sangkhaya that the Siam Confectionery takes pride in sharing with everyone.

---